top of page

        บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด(มหาชน) เดิมชื่อบริษัท โรแยลฟลอร์ไทล์จำกัด ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิค

เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2532 และเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2535 และได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2537 และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 280 ล้านบาทเรียกเก็บเต็มมูลค่าหุ้นละ 10 บาท จำนวน 272 ล้านบาทแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2538

       ปลายปี 2540 กลุ่มผู้ถือหุ้นและกรรมการของ บริษัท ไทล์ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิคชนิดเดียวกันและมีโรงงานใกล้เคียงกัน ได้ประมูลซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 14.9 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น ร้อยละ 54.82 ของทุนที่ชำระแล้วจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนแห่งหนึ่งและได้ปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพ และพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพดี มีสีสรรสวยงาม รวมทั้งปรับนโยบายด้านการตลาดโดยเน้นการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคให้มากขึ้น

 

       ปลายปี 2543 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนเป็น 408 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 40.8 ล้านหุ้นมูลค่าหุ้นละ 10 บาท เพื่อนำเงินทุนเพิ่มทุนไปลงทุนขยายกำลังการผลิตโดยการซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ไทล์ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน)จากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดทำให้บริษัทฯ มีโรงงานของ บริษัท ไทล์ท้อป อินดัสตรี้จำกัด(มหาชน) เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง โดยปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท ไทล์ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน) ในสัดส่วนร้อยละ 96.83 และ ได้ แตกมูลค่าหุ้นเหลือหุ้นละ 1 บาท จำนวน 408 ล้านหุ้น  ถือหุ้นโดยคนไทยร้อยละ 81.20 และโดยชาวต่างประเทศร้อยละ 18.80 (ปิดสมุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2557 )

 

       ปลายปี 2548 บริษัทได้เข้าไปลงทุนถือหุ้นมากกว่า 97%  ผ่านบริษัทย่อย 3 บริษัท คือ 1.บริษัท พิค แอนด์ เปย์ จำกัด 2.บริษัท เมืองทอง เซรามิค จำกัด และ 3.บริษัท เวิลด์ไวด์ เซรามิค จำกัด เพื่อทำตลาดขายปลีกเองในรูปตลาดนัดกระเบื้องฯ ทำให้บริษัทใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น รู้ความต้องการและแนวทางการเลือกซื้อกระเบื้องของลูกค้าและได้นำข้อมูลมาปรับปรุงสินค้าและการบริการทำให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีคลังสาขาทั่วประเทศรวมประมาณ 196แห่ง นอกจากนั้นยังจำหน่ายให้ผู้แทนจำหน่ายในประเทศอีกกว่า 3,000 รายกลางปี 2557 บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรโดยการรับโอนกิจการทั้งหมดจาก บริษัทจัดจำหน่ายทั้ง 3 แห่ง คือ บริษัท พิค แอนด์ เปย์ จำกัด บริษัท เมืองทอง เซรามิค จำกัด และ บริษัท เวิลด์ไวด์ เซรามิค จำกัด ซึ่งบริษัทได้เข้าไปลงทุนถือหุ้นมากกว่า 97% มีผลให้บริษัทเหลือบริษัทย่อยเพียง 1 แห่ง คือ บริษัท ไทล์ท้อป อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน)

 

       ปลายปี 2557 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหลักทรัพย์ บริษัทได้เปลี่ยนแปลงจำนวนและมูลค่าหุ้น (Par Value) โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญ 4,080 ล้านหุ้นมูลค่าหุ้นละ 0.10 บาทโดยมีทุนจดทะเบียนเท่าเดิมคือ 408 ล้านบาท กลางปี 2558บริษัทได้เพิ่มทุนจาก 408 ล้านบาทเป็น 652.8 ล้านบาท จากการจ่ายหุ้นปันผลในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นใหม่ ทำให้มีหุ้นสามัญเพิ่มจาก 4,080 ล้านหุ้นเป็น 6,528 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท

กลางปี 2559 บริษัทได้ลดทุนจดทะเบียน จาก 652,800,000 บาท เหลือ 652,799,395.80 บาท เท่ากับทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ของหุ้นสามัญจำนวน 6,527,993,958 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท

       ปี 2560 ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2560 อนุมัติให้กรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ จำนวน 5 ท่าน เข้าเป็นกรรมการและผู้บริหารของ บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน มีผลหลังผ่านมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ของ บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน) ในวันที่ 28 เมษายน 2560 และ อนุมัติให้ทำสัญญารับจ้างบริหารจัดการธุรกิจ อายุสัญญา 1 ปี (วันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ถึง วันที่ 1 พฤษภาคม 2561) และได้รับการบอกยกเลิกสัญญาดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 และเนื่องจากมีกรรมการร่วมกันและมีอำนาจควบคุมในการบริหารจัดการ จึงต้องจัดทำงบการเงินรวม โดย เสมือน บริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทย่อยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป

       ปี 2561 ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 (DCC-W1) จำนวน 2,611,197,583 หน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 2.5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า โดยมีกำหนดการใช้สิทธิปีละ 1 ครั้ง คือ วันที่ 8 พฤษภาคม 2562 วันที่ 8 พฤษภาคม 2563 และวันกำหนดการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย คือ วันที่ใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุครบ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งจะตรงกับวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 (ในกรณีที่วันกำหนดการใช้สิทธิตรงกับวันหยุดทำการให้เลื่อนวันกำหนดการใช้สิทธิดังกล่าว เป็นวันทำการสุดท้ายก่อนหน้าวันกำหนดการใช้สิทธิดังกล่าว) บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ จาก หุ้นสามัญจำนวน 6,527,993,958 หุ้น เป็น จำนวน 9,139,191,541 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท โดยมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว จำนวน 6,527,993,958 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 0.10 บาทเป็นเงิน 652,799,395.80 บาท

 

     8 พฤษภาคม 2562 มีผู้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิในการใช้สิทธิครั้งแรก จำนวน 703,438,699 หน่วย ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 703,438,699 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น 70,343,870 บาท ทำให้ทุนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มจาก 652,799,396 บาท เป็น 723,143,266 บาท บริษัทจดทะเบียนเพิ่มทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562

       15 ตุลาคม 2562 ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562  อนุมัติให้บริษัทฯ(DCC) เข้าซื้อกิจการของบริษัท โรแยล ซีรามิคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (RCI) โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ RCI โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นทุกรายของ RCI ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 รวม 25 วันทำการ จำนวน 578,829,365 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 93.84 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ RCI ในราคาเสนอซื้อ 4.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารายการเท่ากับ 2,315.32 ล้านบาท 
การเข้าซื้อกิจการของ RCI ข้างต้น มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เนื่องจากทั้งบริษัทฯ และ RCI ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิคปูพื้น และกระเบื้องบุผนังชนิดต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบัน RCI จำหน่ายผลิตภัณฑ์เซรามิคส่วนใหญ่ให้แก่ DCC ในขณะที่ทั้งบริษัทฯ และ RCI มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการร่วมกัน ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทฯ และ RCI มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นและโครงสร้างการจัดการที่ซ้ำซ้อนกัน 

       25 พฤศจิกายน 2562 ผลของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ RCI ได้จำนวน 485,572,024 หุ้น เป็นเงิน 1,942.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 78.72 รวมกับที่ DCC ถือไว้แล้วจำนวน 38,010,000 หุ้นหรือร้อยละ 6.16 ดังนั้น DCC ถือหุ้นใน RCI หลังทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดจำนวน 523,582,024 หุ้น หรือร้อยละ 84.88 

       8 พฤษภาคม 2563 มีผู้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิในการใช้สิทธิครั้งที่สอง จำนวน 967,509,538 หน่วย ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 967,509,538 หุ้น ราคาตามบัญชี (Par Value) หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น 96,750,953.80 บาท ทำให้ทุนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มจาก 723,143,265.70 บาท เป็น 819,894,219.50 บาท บริษัทจดทะเบียนเพิ่มทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563

       31 สิงหาคม 2563 DCC ซื้อหุ้นสามัญของ RCI ได้เพิ่มจำนวน 43,110,000  หุ้น ในราคา 4.00 บาทต่อหุ้น จากผู้ถือหุ้นรายย่อยของ RCI รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 172,440,000 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองล้านสี่แสนสี่หมื่นบาทถ้วน) คิดเป็นร้อยละ 6.99   การลงทุนซื้อหุ้นสามัญข้างต้น ทำให้ DCC มีสัดส่วนใน RCI เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 91.87 จากเดิมที่มีอยู่ร้อยละ 84.88

 

       
 

  

bottom of page