top of page

การประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัท

     

 


 

ธุรกิจบ.-T.png

ภาวะการตลาดและการแข่งขัน

ในปี 2564 สภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยยังคงหนีไม่พ้นเรื่องของ COVID-19 ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบมีการชะลอตัวการก่อสร้างหรือการเปิดโครงการใหม่ๆ  ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การแข่งขันในธุรกิจเป็นไปอย่างรุนแรง และหลายธุรกิจต้องปิดกิจการไป รวมไปถึงร้านค้าคู่ค้าของบริษัทฯ หลายแห่งที่ปิดตัวลง  อย่างไรก็ดี ทางรัฐบาลประกาศเปิดปิดประเทศเป็นส่วนๆเป็นระยะๆ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมถึงมาตรการต่างๆ การใช้ชีวิตของประชาชนต้องเปลี่ยนไป เข้าสู่วิถี New Normal

 

ในส่วนสาขาของบริษัทฯ ถูกจัดว่าเป็นร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ใช่ศูนย์การค้า จึงทำให้ธุรกิจเรายังสามารถดำเนินกิจการได้ และเราได้เพิ่มมาตรการการควบคุมโรคตามคำแนะนำของกฎกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด พนักงานของบริษัทฯได้รับวัคซีนครบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานและลูกค้าทุกท่าน จึงทำให้ลูกค้าที่เคยใช้บริการของศูนย์การค้าขนาดใหญ่หันมาเลือกช่องทางของบริษัทฯ มากขึ้น  ทางบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์โรคระบาดนี้ โดยยังคงรักษามาตรฐานการทำตลาดเชิงรุก มีการใช้เครื่องมือสื่อสารในการติดตามลูกค้ามากขึ้น เช่น การส่งข้อมูลประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ โดยใช้ช่องทางสนทนาผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย มุ่งหวังผลปิดการขายโดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา ซึ่งผลการทำงานเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

 

ในด้านของนโยบายควบคุมค่าใช้จ่าย ในปี 2564 ทางบริษัทฯ ยังคงมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทุกภาคส่วน การตรวจสอบและควบคุมค่าใช้จ่ายในทุกขั้นตอนการทำงาน สิ่งที่เราได้ประโยชน์มากที่สุดจากการทำงานในลักษณะของ “New Normal” คือ เรื่องการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

 

ในด้านของผลิตภัณฑ์ ทางบริษัทฯได้พัฒนาสินค้าใหม่เพื่อเจาะตลาดกลุ่มบนมากขึ้น โดยได้ผลิตกระเบื้องขนาดใหญ่ 60x120, 80x80 และ 30x50 ซึ่งช่องทางในการจำหน่ายยังคงใช้สาขาของบริษัทฯ กว่า 200 สาขา ที่สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทั่วประเทศในเวลารวดเร็ว สำหรับราคาขายของสินค้าใหม่นี้ เพื่อให้ครอบคลุมตลาดทุกการใช้งาน และทุกระดับ ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงราคา 200-400 บาท ต่อตารางเมตร ซึ่งสามารถทำให้ราคาเฉลี่ยของบริษัทฯดีขึ้น ยอดขายของสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเรายังคงจะพัฒนาขนาดอื่น ๆ ต่อในปี 2565

ในช่วงปลายปี บริษัทฯได้เริ่มผลิตกระเบื้องพอร์ชเลนขนาดซึ่งมีคุณสมบัติทนทานมากกว่าซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดตลาดได้ในช่วงต้นปี 2565

 

ด้วยกลยุทธ์หลักและศักยภาพของช่องทางขายของทางบริษัทฯที่ครอบคลุมทั้งประเทศ การควบคุมดูแลค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน ลดภาวะโลกร้อน บริหารธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ยอดขายและ % สัดส่วนยอดขายแบ่งตามธุรกิจกระเบื้องปูพื้นและบุผนังในกลุ่มเซรามิคที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ที่มา : ข้อมูลผลการดำเนินงานประจำปี 2562-2563 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

DCC = บมจ.ไดนาสตี้ เซรามิค TGCI = บมจ.ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่, UMI = บมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม, COTTO = บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ 

 

 

แผนงานและกลยุทธ์ในปี 2565

 

แนวทางในการดำเนินงานสำหรับปี 2565 ทางด้านผลิตภัณฑ์ บริษัทฯได้พัฒนากระเบื้องพอร์ชเลน (Porcelain) ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซึมน้ำต่ำ มีความทนทานสูง และด้วยราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดเทียบเท่ากระเบื้องนำเข้าจากต่างประเทศ  เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียส่วนแบ่งทางการตลาดของกระเบื้องนำเข้าที่มีการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ทางด้านการบริหารจัดการสาขา บริษัทฯได้พัฒนาระบบการเติมสินค้า (Stock Replenishment) เพื่อให้มีสินค้าพร้อมขายล่วงหน้าตลอดเวลา และกำลังพัฒนาระบบการเก็บข้อมูลหน้างานเพื่อนำมาวิเคราะห์และประเมินผล โดยใช้ข้อมูลมหาศาลที่ทำอยู่แล้วแต่ยังคงนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก และเสียเวลาในการรวบรวม มาจัดรูปแบบ แสดงผล และที่สำคัญสามารถกำหนดแผนงานการทำงานตามกลยุทธ์ของช่องทางต่างๆ เพื่อให้การบริการเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและถูกจุดมากขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของการพัฒนาปรับปรุงภาพลักษณ์ของสาขา บริษัทฯมีแผนงานที่จะเพิ่มจำนวนโชว์รูมอีก 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มีจำนวน 60 แห่ง นอกจากจะสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้ามากขึ้นแล้ว บริษัทฯยังได้เพิ่มพื้นที่ในโชว์รูมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 400 ตารางเมตรเป็นอย่างต่ำ 1,000 ตารางเมตร เพื่อให้พันธมิตรในกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างมาเช่าพื้นที่  สร้างความหลากหลาย  เพิ่มการสัญจร (Traffic) ให้กับสาขาของไดนาสตี้อีกด้วย การซื้อที่ดินสาขาใหม่ การย้ายสาขาที่หมดสัญญาเช่า บริษัทฯได้ศึกษาถึงเงินลงทุน ตำแหน่งที่ตั้ง และรายได้ที่สามารถสร้างได้จากการลงทุนนั้นๆอย่างถี่ถ้วน นอกเหนือจากการสร้าง Traffic สำหรับกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ด้วยตำแหน่างสาขาของไดนาสตี้ อยู่บนถนนเส้นหลักทั่วประเทศไทย บริษัทฯยังได้เพิ่มพื้นที่ให้เช่าประกอบธุรกิจจำพวกร้านอาหาร ร้านกาแฟ ปั๊มน้ำมัน Charging Station ร้านซ่อมรถยนต์  ร้านขายของฝาก ไว้สำหรับจุดพักรถที่เราจะใช้ชื่อว่า   Dynasty PARK   โดยเริ่มที่สาขาในจังหวัด นครปฐม หาดใหญ่   สุราษฎร์ธานี อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ขอนแก่น ศรีสะเกษ และ เชียงใหม่ คาดว่าโครงการแรกจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 นี้


 

ยอดขาย+สัดส่วน-T.png
bottom of page